ชูวิทย์ชี้ คนไทยต้องรู้เท่าทันนักการเมือง ยันไม่อยู่เป็นปู่ค้ำวงการ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ ให้เกียรติมาเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษในหัวข้อ “นโยบายการเมืองฟื้นฟูเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตมหาอุทกภัย” ซึ่งจัดโดยคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เนื่องในงานหาดใหญ่แฟร์ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา โดยนายชูวิทย์ได้แสดงทรรศนะเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาว่า สะท้อนให้เห็นศักยภาพด้านการบริหารงานของรัฐบาลได้อย่างชัดเจน หลายต่อหลายครั้ง ปรากฎการทุจริตขึ้นในหลายๆโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของถุงยังชีพและการจัดซื้อบิ๊กแบค ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง นายชูวิทย์กล่าวว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับสังคมไทยตอนนี้คือ ประชาชนต้องฉลาด และรู้เท่าทันนักการเมือง ในทรรศนะของตนมองว่า นักการเมืองเป็นอาชีพที่เอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้งมากที่สุด ทุกครั้งที่มีข้อเสนอ มักมีผลประโยชน์ร่วมด้วย เพราะฉะนั้นหากนักการเมืองมีผลประโยชน์อะไรมาแลกเปลี่ยน ประชาชนอย่างเราต้องรู้ให้เท่าทัน มิฉะนั้นอาจถูกครอบงำและถูกเอาเปรียบได้โดยไม่รู้ตัว ที่ผ่านมา ตนมองว่ายังไม่มีใครที่พอจะเป็นแบบอย่างของนักการเมืองที่ดีได้ มีแต่นักการเมืองที่ชอบสร้างภาพ ทำตัวเป็นฮีโร่ทางการเมือง ซึ่งนายชูวิทย์เองมีความคิดว่า การเมืองในบ้านเรา เป็นระบบของคนชั่ว ไม่ใช่ระบบของคนดี คนดีๆที่เข้ามาเล่นการเมืองมักจะอยู่ยาก เมื่อถามว่านายชูวิทย์ จะอยู่ในฐานะนักการเมือง เพื่อทำหน้าที่เปิดเผยข้อเท็จจริงต่างๆ ทั้งในส่วนของรัฐบาลและฝ่ายค้านตลอดไปหรือไม่ นายชูวิทย์กล่าวว่า สำหรับตนแล้วนักการเมืองก็เหมือนผ้าอ้อม ยิ่งเปลี่ยนบ่อยยิ่งดี เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งตนก็จะวางมือจากวงการการเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้นักการเมืองหน้าใหม่ ที่มีความคิดใหม่ๆ มีนโยบายใหม่ๆ เข้ามามีส่วนบริหารประเทศ มิฉะนั้นแล้ว การเมืองบ้านเราก็จะผูกขาดอยู่แต่กลุ่มหรือพรรคการเมืองเดิมๆ ทำให้ประเทศไม่ก้าวไปข้างหน้าเสียที ตำแหน่งนักการเมืองไม่ใช้มรดกที่จะสืบทอดไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานได้ ตนไม่อยากอยู่เป็นปู่ค้ำวงการ อยากให้มีนักการเมืองใหม่ๆ ที่มีความรู้เข้ามาแสดงความสามารถในการบริหารประเทศบ้าง นอกจากนี้นายชูวิทย์ยังได้กล่าวถึงมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ในวันที่ 9 เมษายน 2555 ที่จะถึงนี้ว่า มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ถือเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำ ที่มีทั้งผู้บริหาร คณาจารย์และบุคลากรที่มีความสามารถอยู่มาก เพราะมิฉะนั้นแล้วก็คงจะไม่สามารถช่วยกันนำพามหาวิทยาลัยให้เจริญเติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้ ตนขอมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เป็นสถาบันการศึกษาที่พัฒนาตนเองต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ขอทุกท่านที่ทำหน้าที่อยู่ภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีความสุขและประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวัง พร้อมทั้งทำหน้าที่ผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถออกไปรับใช้บ้านเมืองและประเทศชาติตลอดไป