HATYAI POLL 4/57 “มุมมองของประชาชนกับการแก้ปัญหาลอตเตอรี่เกินราคาด้วยหวยบนดิน”

HATYAI POLL 4/57 “มุมมองของประชาชนกับการแก้ปัญหาลอตเตอรี่เกินราคาด้วยหวยบนดิน”

สรุปผลการสำรวจ ผศ.ดร. กอแก้ว จันทร์กิ่งทอง ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยผลการสำรวจหาดใหญ่โพล พบว่าประชาชนในจังหวัดสงขลาส่วนใหญ่มีรายได้ระหว่าง 5,001 – 10,000 บาท มากที่สุด (ร้อยละ 29.57) รองลงมา รายได้ต่ำกว่า 5,000 บาท และรายได้ 10,001 – 15,000 บาท มีร้อยละเท่ากัน คือ 20.12 โดยประชาชนเห็นว่าการแก้ปัญหาลอตเตอรี่เกินราคาของ คสช. และรัฐบาล สามารถแก้ปัญหาได้ ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 6.03 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน)] ประชาชนในจังหวัดสงขลามีพฤติกรรมการเสี่ยงโชค (ร้อยละ 50.25) โดยประชาชนส่วนใหญ่ พฤติกรรมการเสี่ยงโชคในรูปแบบของสลากกินแบ่งรัฐบาล (ลอตเตอรี่) มากที่สุด (ร้อยละ 65.33) รองลงมา เสี่ยงโชคกับหวยใต้ดิน (ร้อยละ 43.22) และเสี่ยงโชคกับหวยมาเลย์ (ร้อยละ 25.13) ทั้งนี้เมื่อสอบถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเสี่ยงโชคต่องวด พบว่า ประชาชนมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่องวดประมาณ 787.79 บาทต่องวด โดยเงินที่ใช้ในการเสี่ยงโชคเป็นค่าใช้จ่ายกับหวยใต้ดิน มากที่สุด ประมาณ 337.57 บาท ซึ่งสูงกว่าค่าใช้จ่ายของลอตเตอรี่ และหวยมาเลย์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 269.96 และ 222.50 บาท ตามลำดับ เมื่อสอบถามประเด็นการขายเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวในการแก้ปัญหาหวยใต้ดิน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าการขายเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว (หวยบนดิน) ของกองสลากฯ สามารถแก้ปัญหาลอตเตอรี่เกินราคาและช่วยลดอัตราการซื้อหวยใต้ดินได้ ร้อยละ 57.43 และ 63.36 ตามลำดับ เมื่อสอบถามถึงความคิดเห็นต่อการจะให้หวยใต้ดินเป็นเรื่องถูกต้องตามกฎหมาย พบว่า ประชาชนต้องการให้หวยใต้ดินเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย (ร้อยละ 58.33) นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 68.85 คิดว่าการขายหวย 2 ตัว 3 ตัว (หวยบนดิน) จะส่งผลให้เด็กและเยาวชน มีการเล่นหวยเพิ่มขี้น และประชาชนร้อยละ 31.15 การขายหวย 2 ตัว 3 ตัว (หวยบนดิน) ไม่ส่งผลต่อการเล่นหวยบนดินของเด็กและเยาวชน ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับการจ่ายเงินเลขท้าย 2 ตัวบาทละ 55 บาทและเลขท้าย 3 ตัว บาทละ 400 บาท พบว่า ประชาชนเห็นว่ารางวัลเลขท้าย 2 ตัว เลขท้าย 3 ตัว เป็นการสร้างแรงจูงใจในการซื้อหวยบนดิน (ร้อยละ 61.72) ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของลอตเตอรี่เกินราคา พบว่า ประชาชนในจังหวัดสงขลาเห็นว่าเป็นเพราะมีกลุ่มหาผลประโยชน์จากลอตเตอรี่โดยเป็นพ่อค้าคนกลาง มากที่สุด (ร้อยละ 35.33) รองลงมา โควต้าลอตเตอรี่ถูกผูกขาดจากนายทุนใหญ่ (ร้อยละ 17.95) และปริมาณลอตเตอรี่มีไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชนและความไม่เป็นธรรมในการจัดสรรลอตเตอรี่ ร้อยละ 16.24 เท่ากัน ประชาชนคิดว่าแนวทางการยกเลิกสัมปทานและจัดสรรโควต้าลอตเตอรี่ใหม่ จะแก้ปัญหาลอตเตอรี่ เกินราคาได้ มากที่สุด (ร้อยละ 22.87) รองลงมา คือ การขึ้นทะเบียนผู้ค้าลอตเตอรี่ใหม่ (ร้อยละ 21.81) กองสลากฯลดเงินส่งเข้ารัฐบาล (ร้อยละ 13.83) ขึ้นราคาหน้าลอตเตอรี่จาก 80 เป็น 90 บาท (ร้อยละ 13.30) และใช้ไปรษณีย์เป็นตัวกลางในการจำหน่ายลอตเตอรี่ (ร้อยละ 12.23) ตามลำดับ

http://www.hu.ac.th/press/images_upload/2014122316381.pdf