HATYAI POLL ครั้งที่ 13 เรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไรกับการขายหุ้น ปตท.และการโอนหนี้สาธารณะ”

HATYAI POLL ครั้งที่ 13 เรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไรกับการขายหุ้น ปตท.และการโอนหนี้สาธารณะ”

หาดใหญ่โพล โดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจ
ความคิดเห็นของประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ เกี่ยวกับแนวคิดการขายหุ้น ปตท.และการดอนหนี้สาธารณะ
โดยเก็บรวบรวมข้อมูลประชาชน จำนวน 1,002 ตัวอย่าง และใช้แบบสำรวจเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวม
ข้อมูล ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 30 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2555 สรุปผลการสำรวจ ดังนี้
สถานภาพกลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 52.6) อายุระหว่าง 21-30 ปี (ร้อยละ 41.3)
รองลงมา มีอายุระหว่าง 31-40 ปี (ร้อยละ 29.3) และอายุ 18-20 ปี (ร้อยละ 13.2) ตามลำดับ นอกจากนี้
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียน/นักศึกษา (ร้อยละ 26.0) รองลงมา มีอาชีพพนักงานบริษัท/ลูกจ้าง , รับจ้างทั่วไป,
ประกอบกิจการส่วนตัว/ค้าขาย และข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ คิดเป็นร้อยละ 22.0 , 19.9 , 14.0 และ 9.0
ตามลำดับ
สรุปผลการสำรวจ
รศ. ทัศนีย์ ประธาน รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยผลการสำรวจหาดใหญ่โพล
พบว่า ประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ส่วนใหญ่ร้อยละ 79.9 ไม่เห็นด้วยในการขายหุ้น ปตท.และการบินไทยเพื่อ
ช่วยลดหนี้สาธารณะของรัฐบาล มีเพียงร้อยละ 20.1 ไม่เห็นด้วยในการขายหุ้น ปตท.และการบินไทยเพื่อช่วยลด
หนี้สาธารณะของรัฐบาล นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 69.7 ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะโอนหนี้ 1.14 ล้าน
ล้านบาทของกองทุนฟื้นฟูฯไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทยชำระดอกเบี้ยและเงินต้นของกองทุน
ประชาชนร้อยละ 45.8 เห็นว่าการขายหุ้น ปตท./การบินไทยและการโอนหนี้ 1.14 ล้านล้านบาทไปให้
ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลจะส่งผลต่อค่าครองชีพในระดับมากถึงมากที่สุด และร้อยละ 32.1 เห็นว่าการขายหุ้น
ปตท./การบินไทยและการโอนหนี้ 1.14 ล้านล้านบาทจะส่งผลต่อค่าครองชีพในระดับปานกลาง มีเพียงร้อยละ
22.1 เห็นว่าการขายหุ้น ปตท./การบินไทยและการโอนหนี้ 1.14 ล้านล้านบาทจะส่งผลต่อค่าครองชีพในระดับ
น้อยถึงน้อยที่สุด นอกจากนี้ประชาชนร้อยละ 35.3 เห็นว่าหากรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีการขายหุ้น ปตท./การบินไทย
และการโอนหนี้ 1.14 ล้านล้านบาทจะทำให้เกิดภาระการจ่ายภาษีที่เพิ่มขึ้นของประชาชน สูงที่สุด รองลงมา
ปตท.จะมีกำไรเพิ่มขึ้นและน้ำมันจะแพงขึ้นมาก (ร้อยละ 33.3)
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 78.1 เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม หากธนาคารแห่งประเทศไทยนำเงินของหลวง
ตามหาบัวไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ มีเพียงร้อยละ 21.9 เห็นว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถนำเงินของ
หลวงตามหาบัวไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆได้
ประชาชนร้อยละ 27.6 การลดราคาน้ำมันและกระตุ้นการจับจ่ายของคนในประเทศ เป็นแนวทางการ
แก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ดีที่สุด รองลงมา รัฐบาลใช้จ่ายเงินด้วยความคุ้มค่าปลอดการคอร์รัปชั่น , เพิ่มจำนวน
นักท่องเที่ยวและมูลค่าจากการท่องเที่ยว , และใช้เงินกู้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน คิดเป็นร้อยละ 15.6 , 15.5
และ 13.9 ตามลำดับ

• ดาวน์โหลดบทความ