หาดใหญ่โพล โดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจ ความคิดเห็นของประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ เกี่ยวกับมุมมองภาวะเศรษฐกิจและสังคมภาคใต้ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลประชาชน จำนวน 1,096 ตัวอย่าง และใช้แบบสำรวจเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 23-30 กันยายน 2554 สรุปผลการสำรวจ ดังนี้
สถานภาพกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 66.8) อายุระหว่าง 21-30 ปี (ร้อยละ 30.7) รองลงมา มีอายุระหว่าง 31-40 ปี (ร้อยละ 30.0) และอายุ 41-50 ปี (ร้อยละ 24.0) ตามลำดับ นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างมีอาชีพพนักงานบริษัท/ลูกจ้าง (ร้อยละ 26.9) รองลงมา รับจ้างทั่วไป , ประกอบกิจการส่วนตัว/ค้าขาย , นักเรียน/นักศึกษา และข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ คิดเป็นร้อยละ 19.0 , 15.9 , 11.6 และ 10.2 ตามลำดับ สรุปผลการสำรวจ รศ. ทัศนีย์ ประธาน รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยผลการสำรวจหาดใหญ่โพล พบว่า ประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ ร้อยละ 55.6 มีสถานะการเงินโดยมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ และร้อยละ 26.7 มีสถานะการเงินโดยมีรายได้มากกว่ารายจ่าย มีเพียงร้อยละ 17.7 ไม่เหลือเก็บแต่ไม่มีหนี้สิน นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 68.6 มีภาระหนี้สินโดยที่ประชาชนร้อยละ 49.5 มีภาระหนี้ไม่เกิน 50,000 บาท รองลงมา มีภาระหนี้สิน 50,001 – 100,000 บาท และ 200,001 – 500,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 6.3 และ 5.8 ตามลำดับ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 73.2 สามารถเก็บเงินในแต่ละเดือนได้ โดยที่ประชาชนร้อยละ 40.4 สามารถออมเงินได้แต่ไม่เกิน 1,000 บาทต่อเดือน มากที่สุด รองลงมา 1,001-3,000 บาทต่อเดือน และ 3,001-5,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 19.7 และ 8.6 ตามลำดับ มีประชาชนร้อยละ 26.8 ที่ไม่สามารถออมเงินได้เลย ประชาชนร้อยละ 43.9 เห็นว่าปัญหาเศรษฐกิจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล มากที่สุด รองลงมา เป็นปัญหาการเมือง และปัญหาการคอร์รัปชั่น คิดเป็นร้อยละ 27.5 และ 14.3 ตามลำดับ ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางลดค่าครองชีพ พบว่า ประชาชนร้อยละ 43.0 ต้องการเห็นรัฐบาลมาช่วยลดค่าครองชีพด้านราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น มากที่สุด รองลงมา ราคาน้ำมันแพง และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 38.0 และ 9.6 ตามลำดับ ทั้งนี้ประชาชนร้อยละ 58.6 มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสินค้าราคาแพงอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด
ประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ภาพรวมของปัญหาที่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนอยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ย 4.31 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 7 คะแนน) มีแนวโน้มของปัญหาเพิ่มขึ้นในทุกประเด็นจากไตรมาสที่ผ่านมา และเมื่อพิจารณาตามประเด็นของปัญหา พบว่า ประชาชนเห็นว่าปัญหาราคาน้ำมัน เป็นปัญหาที่ได้รับผลกระทบต่อประชาชน มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.69 คะแนน รองลงมา ปัญหาเกี่ยวกับการปรับราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ ปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปัญหาการว่างงานปัญหา ปัญหาการคอร์รัปชั่นในแวดวงการเมือง/ราชการ ปัญหาสภาพเศรษฐกิจของประเทศ และปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีค่าเฉลี่ย 4.66 , 4.58 , 4.52 , 4.52 , 4.49 และ 4.44 ตามลำดับ ประชาชนร้อยละ 58.0 เห็นว่านโยบายประกันรายได้เกษตรกร มีประโยชน์ต่อเกษตร โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากภัยจากธรรมชาติ เกิดขึ้นบ่อยเป็นนโยบายที่ประกันความเสี่ยงให้กับเกษตรกรได้มากกว่านโยบายจำนำข้าว 15,000 บาท (ร้อยละ 42.0) ความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบว่า ประชาชนร้อยละ 57.8 ได้ประโยชน์จากการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน มากที่สุด รองลงมา รายได้ขั้นต่ำ 300 บาท ลดภาษีรถคันแรก และเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 22.3 , 18.7 และ 17.3 ตามลำดับ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 65.6 วิตกกังวลจะเกิดน้ำท่วมภาคใต้ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม มีเพียงร้อยละ 34.4 ไม่วิตกกังวลในการเกิดน้ำท่วมในช่วงเวลาดังกล่าว |